“I Know It’s Today” เป็นเพลงทรงพลังและกินใจจากละครเพลงบรอดเวย์เรื่อง Shrek the Musical ที่ขับร้องโดยเจ้าหญิงฟีโอน่าในช่วงวัยต่างๆ เนื้อเพลงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นอันแน่วแน่ของฟีโอน่าในตอนจบแบบเทพนิยาย แม้จะต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวและความผิดหวังมานานหลายปี ท่อนเพลงที่วนซ้ำว่า “I know it’s today” เน้นย้ำถึงความหวังอันแรงกล้าของฟีโอน่าว่าเจ้าชายของเธอจะมาช่วยเธอออกจากหอคอย ฟีโอน่าวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความมองโลกในแง่ดีร้องเพลงด้วยความมั่นใจอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อฟีโอน่าเติบโตเป็นวัยรุ่น ความมองโลกในแง่ดีของเธอก็เริ่มลดลง แต่ความเชื่อหลักยังคงอยู่ เนื้อเพลงสะท้อนถึงความ अधीरและความผิดหวังที่เพิ่มขึ้น แต่ความหวังที่อยู่เบื้องหลังยังคงอยู่ เธอยังคงนับวันรอคอยคำสัญญาของตอนจบแบบเทพนิยาย การวนซ้ำของ “I know it’s today” กลายเป็นความสิ้นหวังมากขึ้น ความมั่นใจน้อยลง
ในที่สุด เมื่อฟีโอน่าเป็นผู้ใหญ่ ความสิ้นหวังของเธอก็จับต้องได้ การรอคอยมาหลายปีส่งผลกระทบ และในขณะที่ยังคงมีความหวังอยู่บ้าง แต่มันก็ถูกบดบังด้วยความเคลือบแคลงสงสัยและความสงสัยในตนเอง เพลงพัฒนาไปเป็นคำวิงวอน เสียงร้องเรียกหาความสัมพันธ์และความรักอย่างสิ้นหวัง “I know it’s today” ที่เคยสดใส กลายเป็นคำพูดที่เหนื่อยล้า แทบจะยอมแพ้
เพลงนี้เปรียบเทียบความคาดหวังในอุดมคติของฟีโอน่ากับความเป็นจริงของสถานการณ์ของเธออย่างชาญฉลาด เธออ้างอิงถึง tropes ในเทพนิยายคลาสสิก – เจ้าหญิงในหอคอย แอปเปิ้ลอาบพิษ เจ้าชายรูปงาม – แต่เรื่องราวของเธอเองเบี่ยงเบนไปจากเรื่องเล่าที่คาดไว้ การเปรียบเทียบนี้เน้นย้ำถึงอารมณ์ขันและความน่าสงสารของสถานการณ์ของฟีโอน่า เธอต้องการที่จะเชื่อในเทพนิยายอย่างยิ่ง แต่ความเป็นจริงกลับเข้ามาแทรกแซงอยู่เสมอ
เนื้อเพลงยังเผยให้เห็นถึงความ अधीरและความผิดหวังที่เพิ่มขึ้นของฟีโอน่า เธอกระตุ้นให้ผู้บรรยาย “ข้ามไปข้างหน้า” ไปสู่ตอนจบที่มีความสุข เน้นย้ำถึงความปรารถนาของเธอที่จะข้ามผ่านความไม่พอใจและความไม่แน่นอนของปัจจุบัน เธอต้องการตอนจบแบบเทพนิยายโดยไม่มีช่วงกลางที่ยุ่งเหยิง ความปรารถนาที่จะได้รับความพึงใจในทันทีนี้พูดถึงประเด็นที่กว้างขึ้นของความ अधीरและการดิ้นรนที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์ของชีวิต
เพลงนี้จบลงด้วยการแสดงออกถึงความปรารถนาอย่างทรงพลังและรวมเป็นหนึ่ง เมื่อฟีโอน่าทั้งสามคนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในความปรารถนาที่จะได้รับความรักและการยอมรับ “I know it’s today” สุดท้ายที่ประสานกันเป็นการผสมผสานระหว่างความหวังและการยอมแพ้อย่างขมขื่น โดยตระหนักถึงพลังที่ยั่งยืนของความฝันแม้ในยามเผชิญกับความผิดหวัง เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถของมนุษย์ในการมีความหวัง แม้ในยามเผชิญกับความผิดหวังมานานหลายปี เพลงนี้สะท้อนกับผู้ชมเพราะมันพูดถึงความปรารถนาสากลสำหรับความรักและการเป็นเจ้าของ การเดินทางของฟีโอน่าเป็นเครื่องเตือนใจว่าเทพนิยายไม่ได้เป็นจริงตามที่เราคาดหวังไว้เสมอไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรหยุดเชื่อในความเป็นไปได้ของตอนจบที่มีความสุข