ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวก หลังจากเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นโดยรวมปิดตลาดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปฉุดดัชนี S&P 500 ลง ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 87.37 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 37,903.29 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.34% ปิดที่ 5,018.39 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 0.33% ปิดที่ 15,605.48 จุด
ตลาดหุ้นผันผวนตลอดทั้งวัน โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 530 จุดในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย ได้รับแรงหนุนจากความคิดเห็นของพาวเวลล์ ในขณะเดียวกัน ดัชนี S&P 500 เคยเพิ่มขึ้น 1.2% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นกว่า 1.7% เฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ โดยอ้างถึง “ความคืบหน้าน้อยเกินไป” ในการนำอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์ลดความน่าจะเป็นของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงข่าวหลังการตัดสินใจ
“ผมคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่การเคลื่อนไหวอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งต่อไปจะเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย” เขากล่าว “ผมขอบอกว่าไม่น่าเป็นไปได้” นักลงทุนยังตอบรับในเชิงบวกต่อการประกาศของเฟดว่าจะชะลอการคุมเข้มเชิงปริมาณ (QT) โดยลดอัตราการปล่อยให้พันธบัตรที่ครบกำหนดไหลออกจากงบดุลโดยไม่นำกลับไปลงทุนใหม่
“ความจริงที่ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงหมายความว่าเราจะไม่เห็นการลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้” Sonu Varghese นักยุทธศาสตร์เศรษฐกิจมหภาคระดับโลกของ Carson Group กล่าว “ในขณะเดียวกัน พวกเขากำลังจะชะลอความเร็วในการลดขนาดงบดุล (พอร์ตพันธบัตรขนาดใหญ่ของพวกเขา) ซึ่งน่าจะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรมีความกดดันน้อยลง” อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงต่ำกว่า 4.6% ในช่วงสั้นๆ หลังจากความคิดเห็นของพาวเวลล์ ช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนบางส่วนที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจพุ่งขึ้นเหนือ 5% อีกครั้งในปีนี้และจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ประสบปัญหาในระหว่างการซื้อขายวันพุธ หลังจากรายงานที่น่าผิดหวังจากบริษัท AI ชั้นนำบางแห่ง หุ้น Advanced Micro Devices ร่วงลง 8.9% หลังจากออกการคาดการณ์รายได้ในไตรมาสปัจจุบันที่สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ Super Micro Computer ร่วงลง 14% เนื่องจากรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ วอลล์สตรีทกำลังจะปิดเดือนที่ขาดทุน โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ขาดทุนมากกว่า 4% ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 5% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานรายเดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022
